6 เรื่องเข้าใจผิดเมื่อคิดจะขายบ้าน

การจะขายบ้านให้ได้ซักหลังล้วนมีรายละเอียดขั้นตอน รวมถึงเอกสารสำคัญๆ อยู่ไม่น้อย ผู้ขายจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับรายละเอียดต่างๆ โดยเฉพาะมือใหม่ที่ยังขาดประสบการณ์ และคิดไปไม่ถึงมักมองข้ามรายละเอียดบางอย่างเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญ อย่างเช่น เมื่อประกาศขายบ้านต้องยอมรับในเรื่องที่ว่า จะมีคนแปลกหน้าเดินไปมาในบ้านคุณตินู่นตินี่ไปเรื่อย พยายามดันให้ราคาขายของคุณตกลง จนคุณรู้สึกหงุดหงิดเกิดอาการปวดหัวและเสียเวลาไปไม่ใช่น้อย

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความวุ่นวายด้านเอกสารต่าง ๆ อีกมากมายเกี่ยวกับธุรกรรมการ ซื้อ-ขาย อสังหาริมทรัพย์ ที่มือใหม่อาจจะต้องศึกษากันให้ดีก่อน แต่อย่างไรก็ตามปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้สามารถหลีกเลี่ยงได้ โดยการปรับแนวคิดทำความเข้าใจเสียใหม่ ในเรื่องที่อาจเข้าใจผิดเมื่อคิดจะขายบ้าน เราได้รวบรวม 6 เรื่องสำคัญไว้ดังนี้

1. นำอารมณ์ไปยุ่งกับตัวบ้านมากไป

เข้าใจว่าเมื่อต้องขายบ้านอันเป็นที่รักของเรา ในบางครั้งผู้ขายก็ทำในสิ่งไม่จำเพื่อเอาใจผู้ซื้อมากเกินเหตุ เช่น การแต่งเติมตกแต่งบ้านเพิ่มจากเดิม ซึ่งการกระทำเช่นนี้จะยิ่งเป็นการกดดันให้คุณ กำหนดราคาบ้านสูงขึ้นโดยไม่จำเป็น เราควรมองเรื่องนี้ให้เป็นธุรกิจมากกว่าที่จะมองว่าตนนั้นคือ "คนรักบ้าน" และควรตกแต่งในส่วนที่จำเป็นและเลือกการนำเสนอที่น่าสนใจอาจจะเป็นการลดต้นทุนได้มากกว่า


จ้างนายหน้าขายบ้าน

2. คิดว่าไม่จำต้องจ้างตัวแทนช่วยขายข้าน

แม้ว่าหลายคนอยากจะลองขายบ้านด้วยตนเอง เนื่องจากไม่อยากเสียค่าใช้จ่ายเรื่องค่าคอมมิชชั่น ซึ่งดูเหมือนจะเป็นจำนวนไม่ใช่น้อย (โดยปกติประมาณ 3-5% ของราคาขาย) แต่เชื่อเถอะหากเป็นมือใหม่ ควรปล่อยให้มืออาชีพเขาจัดการให้สบายกว่ากันเยอะค่ะ นายหน้าอสังหาฯ (ที่ดี) จะช่วยให้การขายบ้านของคุณเป็นเรื่องง่ายขึ้น ปิดการขายในราคาที่เหมาะสมกับสภาพของตลาด รวมไปถึงเรื่องการต้อนรับผู้มาดูบ้านในเรื่องจุกจิกจู้จี้ต่างๆ ที่คุณไม่จำเป็นต้องเข้าไปรับรู้แต่อย่างใด เพราะพวกเขาเหล่านี้มีวิธีและคำพูดจาต่อกรกับกลุ่มคนเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี รวมถึงพวกเขายังช่วยแยกกลุ่มผู้ซื้อที่อาจจะมีความสนใจต่างกันนั่นคือ “สนใจเข้ามาดู” และ “สนใจซื้อจริง ๆ” ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้บ้านของคุณขายได้เร็วขึ้นด้วย

3. คิดว่าทุกการขายจำเป็นต้องจ้างตัวแทน

หากว่าคุณมีความรู้ด้านตลาดอสังหาฯ ในปัจจุบันและความรู้พื้นฐานด้านเอกสารธุรกรรมการซื้อ-ขายอสังหาฯ ต่าง ๆ คุณสามารถทำเองได้ อย่างไรก็ตามสิ่งที่ตามมาอาจจะเป็นต้นทุนในเรื่องของเวลาเพื่อใช้ศึกษา หากคุณเข้าใจกลไกต่าง ๆ ดีในเรื่องเหล่านี้การเสียค่าคอมมิชชั่นเพียงเล็กน้องเพื่อแลกกับเวลาและความสะดวกสบายก็ถือว่าคุ้ม เมื่อบ้านของคุณขายได้เร็วขึ้น และแน่นอนคือ คุณไม่ต้องคอยรับมือกับผู้สนใจที่จะติดต่อเข้ามาได้ทุกเวลา ซึ่งบางรายอาจทำคุณหัวเสียและเสียเวลาไม่ใช่น้อย ยิ่งถ้าฝั่งผู้ซื้อพกตัวแทนมาเองด้วยเป็นไปได้ว่าอสังหาฯ ของคุณอาจจะโดนกดราคาลงไปอีกด้วย


Capital Gain

4. มักตั้งราคาตามใจฉัน

ไม่ว่าคุณจะขายบ้านด้วยตัวเองหรือมีนายหน้าช่วยขายให้ก็ตาม การตั้งราคาขายที่เหมาะสมถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่เป็นตัวชี้วัดว่าคุณจะขายบ้านได้เร็วแค่ไหน ให้คิดเสมอว่าผู้ซื้อส่วนใหญ่มักสำรวจตลาดในทำเลที่ต้องที่เขาสนใจมาเป็นอย่างดีแล้ว คงไม่มีใครหลับหูหลับตาซื้อในราคาสูงเป็นแน่ ในทางกลับกัน การตั้งราคาให้ต่ำกว่าราคาตลาดถือเป็นอีกกลยุทธ์ที่น่าสนใจ เนื่องจากจะเป็นการเพิ่มจำนวนผู้สนใจซึ่งอาจนำไปสู่  ข้อเสนอที่ราคาอยู่ใกล้เคียงหรือเท่ากับราคาของตลาดก็เป็นได้ และหากราคาขายที่คุณตั้งถูกกว่าของเจ้าอื่น ๆ ใน Listing ประกาศซื้อขายบ้านบนหน้าเว็บไซต์ เป็นไปได้ว่าประกาศของคุณอาจจะโดนคลิกเข้าชมมากกว่าเจ้าอื่น ๆ เลยด้วยซ้ำ

5. คิดว่าสามารถซ่อนปัญหาเกี่ยวกับตัวบ้านได้มิด

ปัญหาเกี่ยวกับตัวบ้านปิดอย่างไรก็ปิดไม่มิด 100% และอาจถูกค้นพบเมื่อถึงช่วงตรวจสอบบ้านจากผู้ซื้อ (Inspection) ทางที่ดีเจ้าของบ้านควรซ่อมจุดเสียหายต่างๆ ให้เรียบร้อยก่อนประกาศขายบ้าน ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีแน่หากปิดไว้อย่างเนียน ๆ ไม่ซ่อมแซมก่อนเพราะคุณอาจจะต้องเจอกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น (แพงมาก) หากสภาพบ้านไม่เป็นไปตามในสัญญาที่ระบุเอาไว้


ขายใบจอง

6. มักเชื่อใจผู้ซื้อมากเกินไป

ไม่เป็นการเสียมารยาทหรอกนะคะ หากจะขอดูจดหมายอนุมัติสินเชื่อของผู้ซื้อที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์หรือรัฐ เพื่อเป็นการการันตีถึงเรื่องความสามารถด้านการเงินของผู้ซื้อ รวมถึงการันตีในเรื่องเงินที่ผู้ขายจะได้รับจากการขายบ้าน ยิ่งถ้าคุณมีกรอบระยะเวลาในการปล่อยขายบ้านให้สำเร็จด้วยล่ะก็ อย่าเลือกผู้ซื้อที่ติดภาระในการปล่อยขายบ้านเก่าเพื่อซื้อบ้านใหม่ เพราะนั่นหมายถึงความไม่แน่นอนในการปิดดีลนั่นเอง อย่าลืมว่ายังมีตัวแปรที่สามารถเกิดขึ้นได้อีกมากมาย 

การเตรียมพร้อมทั้งสภาพการเงินและความคิดเป็นเรื่องสำคัญ และก่อนทำการขายบ้านควรทำการศึกษาสภาพตลาดให้ดี รวมถึงสภาพเศรษฐกิจโดยรวมเป็นอย่างไร หากสภาพเศรษฐกิจโดยรวมไม่ดีเป็นไปได้ว่า อาจจะต้องใช้เวลานานในการขายซึ่งไม่ดีแน่กรณีที่คุณยังต้องผ่อนต่อไปเรื่อย ๆ จากการซื้อเพื่อเก็งกำไร




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

จัดบ้านเสริมดวงการเงินกันเถอะ

ฮวงจุ้ยห้องครัวเสริมโชค เพิ่มพูนทรัพย์

บูชาพระประจำวันเกิด รับปี 2563