3 ข้อควรรู้ ก่อนขายดาวน์คอนโด
การขายดาวน์คอนโดหรือการขายดาวน์บ้าน มักเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ อาทิ ผ่อนดาวน์ต่อไม่ไหว หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงเปลี่ยนใจอยากได้โครงการอื่นแทน หรือยื่นกู้ซื้อบ้านกับธนาคารแล้วแต่กู้ไม่ผ่าน และไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม หลายคนที่ตัดสินใจขายดาวน์ก็มักมีข้อสงสัยต่างๆ เกิดขึ้น ทางทีมงานบ้านน่าอยู่ขอรวบรวมคำตอบสำหรับข้อสงสัยต่างๆ เหล่านี้มาให้ศึกษากันค่ะ
โดยโครงการจะออกเอกสารการโอนสิทธิให้กับผู้ซื้อคนใหม่ ที่ระบุรายละเอียดการจ่ายเงินที่ผู้ขายได้จ่ายให้กับโครงการไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น เงินจอง เงินผ่อนดาวน์ และเงินส่วนที่เหลือที่ผู้ซื้อคนใหม่จะต้องจ่ายให้กับโครงการต่อไป นอกจากนี้หากผู้ขายหรือผู้ซื้อเดิมได้มีการทำหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายกับโครงการไว้แล้ว ก็จะต้องส่งมอบให้กับผู้ซื้อคนใหม่ด้วยค่ะ เพื่อให้ผู้ซื้อคนใหม่ตรวจสอบรายละเอียดการจ่ายเงินของผู้ซื้อเดิม รวมทั้งเงื่อนไขต่างๆ ที่ได้ทำไว้กับโครงการ ซึ่งช่วยเป็นการลดข้อโต้แย้งกันภายหลังจากการโอนสิทธิไปแล้ว
เนื่องจากในสัญญาจะซื้อจะขายได้มีการระบุไว้ค่ะ ข้อตกลงหรือเงื่อนไขต่างๆ ของโครงการควรศึกษาให้เข้าใจตั้งแต่ตอนแรก รวมทั้งประเมินความสามารถในการผ่อนของตนเอง ก่อนที่จะตัดสินใจทำสัญญาจอง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียเปรียบ หรือความเข้าใจผิดกันในภายหลัง โดยเงื่อนไขหรือข้อกำหนดของแต่ละโครงการมีความแตกต่างกันควรตรวจสอบให้ดีจะได้ไม่มีข้อผิดพลาดในภายหลัง
1. กู้ไม่ผ่านเงินดาวน์จะได้คืนมาครบไหม
ในกรณีที่ผ่อนดาวน์จนครบกำหนด พอทำเรื่องยื่นกู้ซื้อกับธนาคารไปแล้ว ปรากฏว่าผลการยื่นกู้ไม่ผ่าน กรณีนี้เราอาจจะได้เงินดาวน์คืนทั้งหมด หรืออาจจะโดนหักเงินบางส่วน ก็ขึ้นอยู่กับข้อตกลงของโครงการตั้งแต่ตอนแรกๆ ที่ทำสัญญากันค่ะ และเมื่อกู้ไม่ผ่านแต่อยากจะขายดาวน์ เราอาจจะได้เงินเพิ่มขึ้นหรือลดลงก็ได้โดยการขายดาวน์คอนโดให้ผู้อื่นที่สนใจ ซึ่งหากโครงการอยู่ในทำเลดี และเป็นที่ต้องการของตลาด จะมีผู้สนใจซื้อเป็นจำนวนมาก ในกรณีนี้นอกจากจะได้เงินดาวน์ครบตามจำนวนแล้ว เรายังสามารถบวกกำไรเข้าไปกับราคาขายดาวน์ทำให้ได้เงินเพิ่มขึ้นได้อีกต่อ แต่หากโครงการอยู่ในทำเลที่ไม่ดี หรือโครงการไม่เป็นที่ต้องการของผู้ซื้อ ก็อาจส่งผลให้เราต้องขายดาวน์ในราคาต่ำกว่าหรือขาดทุนได้เป็นได้ค่ะ2. ทำเรื่องโอนสิทธิ์หรือเปลี่ยนสัญญากันที่ไหน
เมื่อมีผู้สนใจต้องการซื้อดาวน์ต่อจากเรา ก็ควรพาผู้ซื้อไปดูสภาพและสถานที่จริงหากผู้ซื้อพึงพอใจและตัดสินใจที่จะซื้อดาวน์ สิ่งที่ผู้ขายต้องดำเนินการก็คือ การทำเรื่องโอนสิทธิหรือเปลี่ยนสัญญา โดยสถานที่นั้นผู้ขายจะต้องนัดผู้ซื้อ ไปทำเรื่องโอนสิทธิหรือเปลี่ยนสัญญากันที่โครงการ เพื่อให้โครงการรับรู้ และผู้ซื้อเองก็จะได้รับทราบรายละเอียดการผ่อนดาวน์ต่อ หรือต้องจ่ายเงินให้กับโครงการและผู้ขายดาวน์เป็นจำนวนเงินเท่าไรโดยโครงการจะออกเอกสารการโอนสิทธิให้กับผู้ซื้อคนใหม่ ที่ระบุรายละเอียดการจ่ายเงินที่ผู้ขายได้จ่ายให้กับโครงการไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น เงินจอง เงินผ่อนดาวน์ และเงินส่วนที่เหลือที่ผู้ซื้อคนใหม่จะต้องจ่ายให้กับโครงการต่อไป นอกจากนี้หากผู้ขายหรือผู้ซื้อเดิมได้มีการทำหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายกับโครงการไว้แล้ว ก็จะต้องส่งมอบให้กับผู้ซื้อคนใหม่ด้วยค่ะ เพื่อให้ผู้ซื้อคนใหม่ตรวจสอบรายละเอียดการจ่ายเงินของผู้ซื้อเดิม รวมทั้งเงื่อนไขต่างๆ ที่ได้ทำไว้กับโครงการ ซึ่งช่วยเป็นการลดข้อโต้แย้งกันภายหลังจากการโอนสิทธิไปแล้ว
3. ค่าธรรมเนียมโอนสิทธิหรือเปลี่ยนสัญญา ต้องเสียหรือไม่
การโอนสิทธิจากผู้ซื้อเดิมเปลี่ยนเป็นผู้ซื้อคนใหม่ ปกติแล้วโครงการจะเก็บค่าธรรมเนียมในกรณีที่ผู้ซื้อยังถือเอกสารเป็นสัญญาจองสิทธิ โดยยังไม่ได้มีการทำสัญญาจะซื้อจะขาย ซึ่งในใบจองจะระบุว่าหากผู้ซื้อมีการโอนสิทธิจะต้องเสียค่าธรรมเนียมเท่าไร สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนนี้ต้องบอกว่า แต่ละโครงการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมไม่เท่ากันค่ะ แต่หากผู้ซื้อเดิมได้มีการทำหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายกับโครงการแล้ว ต่อมาต้องการขายดาวน์ในกรณีนี้ปกติแล้วจะไม่เสียค่าธรรมเนียมในการโอนสิทธิเนื่องจากในสัญญาจะซื้อจะขายได้มีการระบุไว้ค่ะ ข้อตกลงหรือเงื่อนไขต่างๆ ของโครงการควรศึกษาให้เข้าใจตั้งแต่ตอนแรก รวมทั้งประเมินความสามารถในการผ่อนของตนเอง ก่อนที่จะตัดสินใจทำสัญญาจอง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียเปรียบ หรือความเข้าใจผิดกันในภายหลัง โดยเงื่อนไขหรือข้อกำหนดของแต่ละโครงการมีความแตกต่างกันควรตรวจสอบให้ดีจะได้ไม่มีข้อผิดพลาดในภายหลัง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น